ค่ายมวย ศ เดชปรีชา ตั้งขึ้นมาเมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๖ สมัยก่อนนั้นทาง ๕ จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีค่ายมวยเกิดขึ้นมากมาย ค่ายมวย ศ เดชปรีชา ก็เป็นหนึ่งในวงการมวยที่ใคร ๆ ก็รู้จักโดยเฉพาะเมื่อก่อนหัวหน้าค่ายมวยได้เริ่มฝึกมวยตั้งชื่อตัวเองว่า “เดชปรีชา เกียรติ์เมืองใต้” ซ้อมอยู่ที่ค่ายยะลา จนกระทั่งเดชปรีชาเห็นว่าอายุตัวเองมากแล้วจึงเลิกชกมวย แล้วกลับมาตั้งค่าย ฝึกซ้อมลูก ๆ หลานๆ ที่บ้านตนเอง คือบ้านห้วยเงาะ ตำบลทุ่งพลา อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี โดยเมื่อก่อนนั้นค่ายมวย ศ เดชปรีชา ซ้อมในพื้นดิน พื้นหญ้าใช้ต้นไม้เป็นที่แขวนกระสอบทราย นักมวยแต่ละคนมาซ้อมมวยก็จะใช้ชื่อว่า “ศ เดชปรีชา” เพราะเป็นลูกศิษย์ของ “เดชปรีชา” นักมวยในค่ายช่วงนั้นมีชื่อเสียงอยู่หลานคน อาทิ ว่องไว ศ เดชปรีชา,วังวน ศ เดชปรีชา, ชโลทอง ศ เดชปรีชา , ห้วยเงาะน้อย ศ เดชปรีชา และช่วงนั้น ห้วยเงาะน้อยๆ เป็นแชมป์เปี้ยนรุ่น ๑๑๕ ปอนด์ ชื่อค่ายมวยช่วงนั้นติดหู ติดตา แฟนมวยมากมาย และ ณ เวลานั้นทางค่ายมวยมีลูกศิษย์ลูกหลานมากมาย ออกชกตามเวทีภูธรหลายแห่ง จนกระทั่งนักมวยบางคนไม่มีคู่ชกในเวทีภูธรอย่างเช่น ว่องไว ศ เดชปรีชา ขึ้นชกเวทีราชดำเนิน และช่อง ๗ สี และ ชโลทอง ศ เดชปรีชา ได้เป็นตัวแทนชกมวย เขต ๙ ของจังหวัดยะลาจนกระทั่งเมื่อเหตุการณ์ใน ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้เกิดไม่สงบขึ้น ทุก ๆ ค่ายมวย ใน ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ก็ต้องหยุดชงักลง เพราะไม่มีเวทีภูธรให้นักมวยชก จนเมื่อเหตุการณ์ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้เริ่มสงบลงบ้าง เวทีมวยภูธรก็เริ่มเกิดขึ้นมาอีกครั้งแต่ค่ายมวย ศ เดชปรีชา ก็เงียบอยู่ เพราะนักมวยเครือข่ายเก่าๆ ต่างแยกย้ายกันไปและอีกอย่างหัวหน้าค่ายก็อายุมากจึงวางมือจากวงการมวย ณ เวลานั้น เด็กวัยรุ่นหรือเยาวชนในหมู่บ้านเริ่มมั่วสุมสิ่งไม่ดี ใช้เวลาว่างไม่เป็นประโยชน์ คุณอภิวน เพชรยอดศรี หรือในนามมวยเก่า วังวน ศ เดชปรีชา เก็นความสำคัญของกีฬามวยจึงเปิดค่ายมวย ศ เดชปรีชา ขึ้นมาอีกครั้งโดยมี ดาบตำรวจประเนตร ศิลาวรรณ หรือนามนักมวยเก่า ห้วยเงาะน้อย ศ เดชปรีชา และคุณวัย เพชรยอดศรี นามนักมวยเก่า ว่องไว ศ เดชปรีชา มาเป็นที่ปรึกษา จึงเปิดค่ายมวยขึ้นมาอีกครั้ง เปิดรับเด็ก เยาวชนในหมู่บ้านและต่างหมู่บ้าน มาเป็นนักมวยในสังกัดค่าย ศ เดชปรีชา และเมื่อความตั้งใจของคุณอภิวน เป็นสิ่งที่ดีให้กับลูกหลานในหมู่บ้าน ชาวบ้าน เพื่อนบ้านใกล้เคียงเล็งเห็นการออกกำลังกายของลูกหลานเป็นสิ่งที่ดีปลอดภัยจากยาเสพติด จึงมาช่วยกันร่วมสร้างที่ซ้อมมวย จนเป็นรูปร่างขึ้นมาจนมีนักมวยทั้งไทยพุทธ และมุสลิม เข้ามาร่วมซ้อมมากมาย และนักมวยเยาวชนในค่ายได้แชมป์อีก ๒ คน ค่าย ศ เดชปรีชา จึงเป็นค่ายที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย